10 เรื่องหน้าจดจำของชายที่ชื่อ เลวาน
- จุดเริ่มต้นของ RL9
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2014 ชื่อของ เลวานดอฟสกี้ ถือว่าสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการฟุตบอลเยอรมันมากพอสมควร ภายหลังได้รับการปลุกปั้นจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จนกลายเป็นแข้งระดับท็อป ทั้งที่ก่อนย้ายมาจาก เลช พอซนัน คือนักเตะโนเนมที่ไม่แฟนบอลคนไหนรู้จักเลยก็ตาม
ผลงานในสีเสื้อของทัพ “เสือเหลือง” เจ้าตัวซัดไปได้มากถึง 103 ประตู จากการลงสนาม 187 นัด ก่อนที่สัญญาของเขาจะหมดกับทีมในช่วงซัมเมอร์ดังกล่าว ก่อนเป็น บาเยิร์น มิวนิค ยื่นข้อเสนอทาบทาม และคว้าตัวมาเสริมทัพได้สำเร็จ
ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นเขาสามารถขีดเขียนประวัติศาสตร์ของตัวเองได้เรื่อยมา กลายเป็นดาวยิงเบอร์ต้นของโลก แถมได้รับการยกย่องว่านี่คือดีลฟรีเอเยนต์ที่คุ้มค่ามากที่สุดตลอดกาลของวงการลูกหนังเลยก็ว่าได้
- คว้าแชมป์แรกกับสโมสร
อย่างที่กล่าวไปว่า เลวานดอฟสกี้ ย้ายมาเป็นสมาชิกใหม่ของทัพ “เสือใต้” เมื่อช่วงซัมเมอร์ 2014 ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวขึ้นมาเป็นดาวยิงตัวหลักของสโมสรได้ทันที พร้อมมีโทรฟี่แชมป์เป็นเครื่องยืนยันในความสำเร็จดังกล่าว
ถาดแชมป์ บุนเดสลีกา ฤดูกาล 2014-15 คือความสำเร็จแรกของเจ้าตัวกับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งในซีซั่นดังกล่าวเจ้าตัวลงสนามในเกมลีกไปทั้งหมด 31 นัด ซัดไปได้มากถึง 17 ประตู แม้จะไม่เพียงพอในการเป็นดาวซัลโวของลีก เพราะถลุงประตูได้น้อยกว่า อเล็กซานเดอร์ ไมเออร์ หัวหอกของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต (19 ประตู) แต่ทว่ามันก็ดีพอในการพาต้นสังกัดคว้าแชมป์มาเชยชม พร้อมเริ่มนับหนึ่งในการประสบความสำเร็จ
ซึ่งจะบอกว่านั้นคือแชมป์แรกที่เปรียบเสมือนใบเบิกทางให้ตัวเขาที่หลังจากนั้นความสำเร็จกลายเป็นของข้างกาย ได้เหรียญทองมาครองคอในทุกๆ ซีซั่นจนกลายเป็นหนึ่งในแข้งที่คว้าแชมป์กับทีมได้มากถึง 19 ครั้ง
- แชมป์บุนเดสลีกา 8 สมัย
เลวานดอฟสกี้ ประสบความสำเร็จกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา มาครองได้มากถึง 8 สมัย ซึ่งแน่นอนพูดง่ายๆ คือนับตั้งแต่พี่แกย้ายมาเป็นนักเตะของทีมก็ไม่เคยมีฤดูกาลไหนเลยที่ไม่ได้สัมผัสถาดแชมป์อันทรงเกียรติใบนั้น
ตั้งแต่ฤดูกาล 2014-15 จนถึงขวบปีสุดท้ายอย่าง 2021-22 คือห้วงเวลาที่เราจะเห็นความสำเร็จดังกล่าวมี เลวานดอฟสกี้ ร่วมอยู่ในเฟรมดังกล่าวมาตลอด แถมเป็นคนสำคัญในการผลิตประตูช่วยทีมอยู่เรื่อยๆ และถ้าไล่เรียงจำนวนที่เขายิงได้เฉพาะในเกมลีก มีเพียงฤดูกาลแรกเท่านั้นที่สังหารประตูคู่แข่งได้น้อยกว่า 20 ตุง
เรียกได้ว่านี่คือเกียรติประวัติที่จะถูกจารึกไว้ในหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรอย่างแน่นอน แม้จะไม่ใช่คนที่คว้าแชมป์เยอะที่สุดกับสโมสร แต่ทุกๆ ซีซั่นเขาคือจิ๊กซอว์สำคัญในการพาทีมพุ่งชนความสำเร็จดังกล่าวแบบต่อเนื่อง
- ยิงสูงสุดในลีกต่อ 1 ฤดูกาล
ต่อเนื่องกับอีกหนึ่งสถิติของสโมสรที่ เลวานดอฟสกี้ ได้จารึกไว้คือการทำประตูได้มากที่สุด 1 ฤดูกาลสำหรับเกมลีก โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 2020-21 ภายหลังเจ้าตัวซัดในศึกบุนเดสลีกาไปได้มากถึง 41 ประตู จากการลงสนาม 29 นัด เฉลี่ยแล้วยิง 1.4 ประตู/เกม เลยทีเดียว
ทั้งนี้เจ้าของสถิตินี้คนเดิมก็คือ แกร์ด มุลเลอร์ กองหน้ารุ่นปู่ที่เคยทำไว้ 40 ประตู ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราวๆ 50 ปีที่แล้ว แน่นอนมันไม่ง่ายกับการหาใครสักคนมาทำลายสถิติ และยิ่งเป็นกับฟุตบอลยุคใหม่ความยากยิ่งทวีคูณไปมากกว่าเดิม ทว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไปสำหรับดาวยิงอย่าง โรเบิรต เลวานดอฟสกี้
ซึ่งจากที่กล่าวไปทั้งเรื่องของจำนวนแชมป์ที่กวาดมาครองถึง 8 สมัย พ่วงด้วยสถิติซัดประตูต่อ 1 ซีซั่นมากที่สุด มันแทบไม่มีข้อพิสูจน์อะไรอีกแล้วในตัวของเขาสำหรับฟุตบอลในดินแดนเยอรมัน
- แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยแรก
หนึ่งในจุดหมายของนักฟุตบอลหลายๆ คนคืออยากที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสกับความสำเร็จในระดับสูงอย่าง แชมเปี้ยนส์ลีก เช่นเดียวกับ เลวานดอฟสกี้ ที่เขาเองก็ถวิลหาโทรฟี่เจ้ายุโรปมาครองให้ได้ในสักวัน
ย้อนกลับไปสมัยค้าแข้งกับ ดอร์ทมุนด์ เจ้าตัวเคยเข้าใกล้ความสำเร็จนั้นมาแล้ว ภายหลังกรุยทางเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศเมื่อฤดูกาล 2012-13 แต่ทว่าก็ต้องมาพ่ายให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ไปแบบน่าเสียดาย ก่อนที่หลังจากนั้นจะไม่ได้โอกาสกลับไปยืนในรอบดังกล่าวอีกเลยจนกระทั้งซีซั่น 2019-20 ที่เขาเป็นกำลังสำคัญพาทัพ “เสือใต้” ไป
- ตัดเชือกกับ เปแอสเช
ไฮไลท์ในปีดังกล่าวคือการที่ “เลวาน” สามารถซัดประตุได้ครบถ้วนทุกนัดที่ลงสนามนับตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม มีเพียงนัดเดียวที่ไม่อาจพาบอลไปกองที่ก้นตาข่ายคู่แข่งได้ได้คือนัดชิงชนะเลิศ แต่ทว่ามันก็ดีพอที่ทีมจะประสบความสำเร็จคว้าโทรฟี่ดังกล่าวมาครอง
นับว่าเป็นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยแรกของตนเอง สถิติรวมเจ้าตัวซัดไปถึง 15 ประตู จากการลงเล่น 10 เกม แน่นอนนี่คือความสำเร็จที่เขาภูมิใจเป็นอย่างมาก ไม่แปลกที่หลังค่ำคืนนัดชิงชนะเลิศจะมีภาพที่เขาเอาถ้วยแชมป์ไปนอนกอดจนกลายเป็นไวรัลในโลกโซเชียล
- คว้าทริปเปิ้ลแชมป์
อย่างที่เรารู้กันว่า เลวานดอฟสกี้ เป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับ บาเยิร์น มิวนิค แต่ถ้าจะหาหนึ่งซีซั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือการพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองคือเมื่อฤดูกาล 2019-20
ฤดูกาลนั้นนอกจากผลงานสุดสะเด่าของเจ้าตัวแล้ว การที่ทีมกวาด 3 แชมป์มาครองถือว่าเป็นที่สุดของเขาแล้วตลอดระยะ 8 ปีกับทัพ “เสือใต้” ทั้งแชมป์บุนเดสลีกา, เดเอฟเบ โพคาล และ แชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันมีชื่อของ เลวานดอฟสกี้ เป็นส่วนสำคัญ และหมากเด็ดในแผนงานของกุนซือ
- กวาดทุกแชมป์กับ เสือใต้
ประเด็นก่อนหน้าคือการกวาดแชมป์ทั้งใน และนอกประเทศมาครองได้แล้ว ส่วนในหัวข้อนี้คือการต่อยอดความสำเร็จหลังจากสอยแชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก มาครองคือการได้ลงเล่นในรายการ ซูเปอร์คัพ และสโมสรโลก
ซึ่งทั้ง 2 รายการคือการเติมเต็มให้สถิติทุกอย่างของเขากับ บาเยิร์น มันสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น กลายเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จร่วมกับสโมสรในทุกรายการที่ได้ลงเล่นไล่เรียงแล้วทั้งหมด 19 โทรฟี่ที่คว้ามาเชยชม
แน่นอนนี่ไม่ใช่สถิติง่ายๆ ที่ใครก็สามารถทำได้ เพราะนอกจากต้องยืนระยะอยู่กับทีมอย่างยาวนาน ผลงานส่วนตัวคือสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนให้สโมสรเดินไปข้างหน้า และคว้าแชมป์มาครองซึ่งด้วยตำแหน่งของ เลวานดอฟสกี้ แล้วสิ่งที่เขาทำได้ต้องยอมรับว่ายอดเยี่ยม และหายากมากๆ กับฟุตบอลในยุคปัจจุบัน
- ฤดูกาลที่โคตรพีค
ด้วยผลงานของ เลวานดอฟสกี้ ต้องยอมรับว่าเขาคือหนึ่งในกองหน้าที่รักษามาตรฐาน และผลงานของตัวเองไว้ได้อย่างต่อเนื่องสังเกตุได้จากตัวเลขการทำประตูที่ขั้นต่ำคือต้องการ 30 ตุงในทุกๆ ฤดูกาล
แต่ทว่าถ้าจะหาซีซั่นที่ผลงานพีคแบบขั้นสุดคงจะเป็นเมื่อฤดูกาล 2019-20 ที่เขากระหน่ำในทุกรายการไปได้มากถึง 55 ประตู จากการลงสนาม 47 นัด อีกทั้งยังพ่วงด้วยตำแหน่งคว้าทริปเปิ้ลแชมป์จนได้รับการยกย่องว่าเป็นกองหน้าที่ดีที่สุด และไม่แปลกที่แฟนบอลจะแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่ารางวัล บัลลง ดอร์ ควรจะถูกบรรจงมอบให้กับเขา
แต่ทว่าด้วยสถานการณ์โลกที่โดนพิษ โควิด-19 เล่นงานอย่างหนัก ทำให้ไม่มีการประกาศรางวัล แน่นอนมันน่าเสียดายมากๆ ที่เจ้าตัวต้องพลาดรางวัลไป ทว่าแม้จะไม่มีบอลทองคำมาครอบครอง แต่ผลงานของ “เลวาน” สามารถเอาชนะใจแฟนบอลได้ทั้งหมด ทั้งเรื่องผลงาน และการักษาร่างกายแม้อายุจะก้าวสู่หลักเลข 3 แล้วก็ตาม
- จากไปแบบตำนานของสโมสร
“ทุกงานเลี้ยง ย่อมมีวันเลิกรา” วลีนี้ยังคงใช้ได้กับทุกสถานการณ์ที่ต้องเกิดการจากลา แม้เรื่องราวของ เลวานดอฟสกี้ ก่อนหน้านี้จะดูอลเวง และชวนดราม่าเกี่ยวกับข่าวการย้ายทีม แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพเขายังคงกลับมาซ้อมกับทีม ก่อนที่ทุกอย่างจะบรรลุข้อตกลง
แน่นอนนี่คือนักเตะระดับตำนานของสโมสรช่วงเวลา 8 ปี ทั้งเรื่องของผลงานพร้อมความสำเร็จมันเพียงพอแล้วกับการยกเขาให้กลายเป็นนักเตะเบอร์ต้นๆ ของทีม นับตั้งแต่วันที่ย้ายมา จนกระทั่งวันสุดท้ายไม่มีใครคาดคิดว่าดาวยิงที่ฟอร์มแรงแบบเขาจะอยู่โยงยาวกับสโมสรนานขนาดนี้